เกินคาด ภรรยามือตบ พูดต่อหน้าเหล่าพยาบาล หลังสามีทำร้ายในห้องผู้ป่วย
จากกรณี ชายคนหนึ่งได้ตบหน้าพยาบาล 2 ครั้งที่โรงพยาบาลในจังหวัดระยอง ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากพยาบาลเตือนภรรยาของผู้ก่อเหตุให้พาลูกเล็กออกจากห้องผู้ป่วย หลังจากพยายามพาลูกเข้าไปเยี่ยมคุณยายที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่และติดเชื้อลงปอด ซึ่งพยาบาลได้เตือนหลายครั้ง
และในการเตือนครั้งสุดท้ายได้ใช้คำพูดที่ทำให้ภรรยารู้สึกไม่ดี จนเมื่อกลับไปเล่าให้สามีฟัง สามีจึงเข้าไปสอบถามว่าใครพูดไม่ดีเกี่ยวกับภรรยาของเขา ก่อนที่ความโกรธจะพาไปสู่การทำร้ายพยาบาล หลังเกิดเหตุ พยาบาลได้แจ้งความและยืนยันว่าจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด
ล่าสุดในรายการโหนกระแสวันนี้ ได้พูดคุยถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยในรายการมีการโทรศัพท์ไปยังฝ่ายต่างๆ ทั้งฝ่ายพยาบาลที่ถูกทำร้ายและภรรยาของฝ่ายคู่กรณีเพื่อเปิดใจ ซึ่ง น.ส.หนู ภรรยาของชายที่ทำร้ายพยาบาลได้โฟนอินมาในรายการ และเริ่มต้นด้วยการขอโทษพยาบาลและทางโรงพยาบาลที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เธอกล่าวว่า เธอเองก็ได้ตำหนิสามีและไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง พร้อมยอมรับผิดในเรื่องนี้
จากนั้นเธอเล่าต่อว่า วันนั้นสามีพาลูกไปที่ห้องเยี่ยมคุณยาย โดยพยาบาลคนแรก (ไม่ใช่คนที่ถูกตบ) ได้เตือนด้วยคำพูดที่สุภาพว่าไม่อยากให้พาเด็กเข้ามา เพราะคุณยายติดไข้จากลูกที่เพิ่งหาย เธอก็เข้าใจและสามีก็พาลูกออกมา จากนั้นเธอได้พาลูกเข้าไปใหม่ พยาบาลที่ถูกทำร้ายได้เดินออกมาพูดด้วยถ้อยคำที่รุนแรงว่า “สูญเสียแม่ไปคนแล้ว จะสูญเสียลูกอีกคน ยอมรับได้เหรอ” ทำให้เธอรู้สึกใจเสียและพาลูกออกจากห้องผู้ป่วย
เมื่อกลับไปด้านนอกลูกของเธอได้ถามว่า ทำไมพยาบาลถึงดุและไม่ขอโทษเลย ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้สามีของเธอเกิดความรู้สึกไม่ดี หลังจากนั้นสามีไปดูอาการแม่ของเขาและคำพูดของพยาบาลก็แวบเข้ามาในความคิด จึงทำให้เขาโกรธและไปทำร้ายพยาบาล
น.ส.หนู ยังกล่าวต่อว่า เธอขอแยกประเด็นออกเป็นสองข้อ ประเด็นแรกคือสามีทำร้ายร่างกายพยาบาล ซึ่งเธอยอมรับผิดและไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ โดยพร้อมยอมรับผลทางกฎหมาย ในประเด็นที่สอง เธอได้ฝากถึงบุคลากรทางการแพทย์ว่าเข้าใจว่าหน้าที่ของพวกเขามีความเครียดและเหนื่อย แต่ขอให้พูดคุยกับผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยด้วยความสุภาพและเข้าใจ เพราะทุกคนที่มาโรงพยาบาลต่างก็มีความเครียดและความกังวลเรื่องสุขภาพของคนในครอบครัว
อย่างไรก็ตามสุดท้าย เธอขอให้เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียน และอยากให้เป็นตัวอย่างในการพิจารณาพฤติกรรมของทุกฝ่าย เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต